หลักคิด ช่วยเลิก “ติด” อาหาร

โดย พศิน อินทรวงค์ นักเขียนและนักบรรยาย เรื่องแรงบันดาลใจ ตามหลักพุทธศาสนา

ติดหวาน Sukina

     “คนเราถ้าเกิดความรู้สึกติดอะไรบ้างอย่างเช่นการติดหวาน เราจะรู้ไหมว่ามันไม่ดี เรารู้ว่าต้องเป็นเบาหวานแน่ๆ แต่เรายังต้องกินมันอยู่ หรือการขาดวินัยตรงนี้อาจเกิดจากขาดอะไรบางอย่าง เลยไม่รู้ว่าจะทดแทนสิ่งนั้นด้วยอะไร เช่นการมีปัญหากับครอบครัวหรือที่ทำงานเลยต้องหาทางออกด้วยการกินของหวานซึ่งทำให้มีความสุขชั่วคราว หรือเกิดจากที่คนเรามีความกดดันอะไรบางอย่างเลยหาเหตุในการกินหวานเพื่อลดความกดดันที่เกิดขึ้น”

     เพียงแค่เรารู้ว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปดีหรือไม่ดีก็เพียงพอ เราไม่ควรยึดโยงเข้าไปในสิ่งเหล่านั้นหรือปูมหลังซึ่งดูเหมือนการเปิดพื้นที่ให้ความอ่อนแอเข้ามา เช่น เราหาข้ออ้างว่าที่เรากินแบบนี้เพราะเราเกิดความไม่สบายใจ แต่ถ้าเรามองแบบตรงไปตรงมา เราควรจะแก้ปัญหาด้วยความเที่ยงตรงเช่นกัน ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานั้น แต่ถ้ามัวมองหาสาเหตุของการกระทำที่ไม่ดีเพื่อหาความชอบทำให้ตัวเอง ว่ามันมีสาเหตุอื่นมาทำให้เราเป็นแบบนี้ ดังนั้นเราต้องเรียนรู้อย่างชาญฉลาด พอที่จะปฏิวัติตัวเองอย่างเข็มแข็งและต้องไม่โทษปัญหาในอดีต

     อย่างเราเป็นโรคอ้วน มีนักจิตวิทยามาบอกเราว่า ที่คุณอ้วนเกิดจากความเครียดที่มาจากครอบครัว ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ต้องรับผิดชอบกับโรคอ้วนที่เกิดขึ้น เพราะสาเหตุไม่ได้มาจากตัวเราเพราะมีคนอื่นทำให้เราอ้วน แค่คิดแบบนี้คุณก็แพ้ตัวเองแล้ว เพราะมีช่องทางให้คุณหลีกเลี่ยงการรับผิดชอบตัวเองตลอดเวลา เราอยากสุขภาพดีควรเรียนรู้ว่าอะไรมันไม่ดี แล้วไม่ควรรับประทานเข้าไป 

     เพราะฉะนั้นสิ่งที่คนอยากสุขภาพดีควรทำคือ มีความตั้งใจและศรัทธาที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสุขภาพดี ประกอบกับการหาความรู้ในสิ่งนั้นให้ถ่องแท้และลงมือทำ

     ความกลัวที่จะเป็นโรคคืออะไร…
คนส่วนใหญ่กินหวาน มีความสุขกับการกินหวาน แต่ก็กลัวเป็นเบาหวาน เขาจึงพยายามใช้วิธีทางลัด ไปหาอาหารตัวช่วยในการลดน้ำตาลแทนการลดของหวาน แต่ก็ยังกินหวานอยู่ โดยไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะนี่คืออาการติดหวาน ปัญหาแบบนี้เป็นปัญหาที่คนรักสุขภาพกลัว

     วิธีขจัดความกลัวคือ หากกลัวสิ่งใด เราควรเข้าไปเรียนรู้สิ่งนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วความกลัวก็ยังไม่ไปไหน เช่น ถ้าคุณกลัวความมืด คุณควรนั่งพิจารณาตั้งแต่ช่วงที่มันสว่างว่าความมืดนั้นมีอะไร แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหามันละนิดๆ ตระหนักอยู่เสมอว่ามนุษย์มีทางเลือก เราควรมีความศรัทธา แต่คนส่วนใหญ่เมื่อเกิดความกลัวกลับไม่มีความมุ่งมั่นที่รักษาอาการกลัวเหล่านั้นจริงๆ

ประเด็นสำคัญคือสุดท้ายคุณจะต้องเลือกว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน
     อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการแก้ปัญหาสุขภาพเหล่านี้แก้ได้ตรงๆ ไม่ต้องมีความซับซ้อนและไม่มีตัวช่วยหรือทางลัดใดที่ทำให้สัมฤทธิผลได้ราวกับปาฏิหาริย์ ปัญหาที่แท้จริงของเรื่องนี้คือ เราต้องการทุกอย่าง เลยทำให้กลายเป็นความซับซ้อน เราอยากจะกินอะไรที่เราอยากกินด้วย แต่ก็อยากจะมีสุขภาพดีด้วย เราไม่อยากขยับอะไรเลยแต่เราอยากน้ำหนักลดด้วย ทุกอย่างที่อยากมันเป็นไปไม่ได้ นี่คือหลักการง่ายๆ ที่คนทั่วไปเข้าใจกันดีอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางลึกซึ้ง คนเราทุกวันนี้รู้อยู่แล้วว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตมันดี ทำในสิ่งที่ควรทำ

     เมื่อไหร่ที่เราต้องการทางลัด ให้รู้ไว้เลยว่าครั้งนี้มันจะไม่สำเร็จ เพราะเราจะเริ่มต้นด้วยกิเลสไม่ได้ ต้องเริ่มต้นด้วยปัญญา กิเลสบอกให้หาทางลัดเพราะมันน่าจะสบาย แต่มันหลอกเรา ทำให้เราล้มเหลวเหมือนเดิม ปัญหาทุกปัญหามันเริ่มต้นที่ตัวเรา เรื่องสุขภาพ การกินทั่วไป มันเป็นอะไรที่ตรงๆ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนที่ต้องดึงเรื่องจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้อง

     พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “จิตใจของคนเราศักดิ์สิทธิ์มาก มันสามารถบันดาลอะไรก็ได้” ท่านตรัสว่าใจเป็นประธาน ถ้าทำตรงนี้ไม่ได้ทุกอย่างในชีวิตคุณจะทำไม่ได้ ถ้าใจเอาอยู่ทุกเรื่องเอาอยู่

เรียบเรียงโดย วินนา รักการ
ขอบคุณภาพจาก unsplash

Scroll to Top